ก่อนอื่นขอให้เครดิตที่มาคือ naykhaotom.com
เป็นบทความที่ดี ขอบคุณ นายข้าวต้ม
ความล้มเหลวในการทำการเกษตรสำหรับเกษตรกรรม
รุ่นใหม่ มือใหม่หรือแม้แต่เกษตรกรมือเก่าที่ตกหล่มอยู่กับวิธีการเดิมๆ โดยไม่คิดจะปรับเปลี่ยนอะไร วนเวียนอยู่กับปัญหาเดิมไม่เข็ดไม่จำ โดยปัญหาหรือ กับดักเกษตรกร ที่นำเสนอ พอจะช่วยให้คุณๆ ได้ข้อคิด ย้ำเตือนสติ หรือสร้างประสบการณ์นำสู่ความสำเร็จไม่มากก็น้อยครับ1.ขาดเป้าหมาย อย่าคิดแค่ว่า มีที่ดิน มีทุน แล้วอยากทำเกษตรกรรม โดยไม่รู้ว่าจะปลูกอะไร ปลูกอย่างไร ขายอย่างไร ตลอดจนการไม่คิดถึงการลงทุนระยะสั้นระยะยาวและมองปัญหา ปัจจัยต่างๆที่จะตามมา แค่เริ่มต้นหากคุณขาดการวางเป้าหมายก็จะทำให้พังทะลาย
ของเล่นสนุกชิ้นใหม่ แล้วล่ะก็ล้มเลิกคิดจะทำเลยดีกว่าครับ เพราะการทำการเกษตร มันต้องใช้เวลา ปลูกต้นไม้จะให้ออกดอกออกผลเพียงช่วงข้ามวันข้ามคืนมันคงไม่ใช่แน่นอนครับ แรกๆ อาจดูมีไฟแรง พอผ่านไปแค่กลางทาง ไม่ทันไร ชักเริ่มหมดสนุก งานนี้รับประกันมีเจ๊งกับเจ๊งครับ
3.ปลูกตามกระแส คิดแค่เห็นว่าใครปลูกแล้วดี มีกำไร ก็แห่ทำกับเขาบ้าง โดยไม่สนใจความพร้อมของตน และความเหมาะสม เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยในสังคมเกษตรกรไทย และก็พากันเจ๊งมาเยอะครับ
4.“บ้าทฤษฎี” การที่คุณคิดว่า ข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากหนังสือ สื่อโซเชียลต่างๆ นั้นคือทางออกในการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ความน่าเชื่อถือในการสร้างความสำเร็จ คุณอาจต้องคิดใหม่ครับ เพราะข้อมูลทางวิชาการหรือทฤษฏีเหล่านั้น มันอาจไม่ได้เหมาะ ใช้ไม่ได้กับพื้นที่คุณทำเกษตรกรรมอย่างแท้จริง ทฤษฏีบางอย่างอาจไม่ถูกต้องเสมอไปครับ
7.“ซื้อกิ่งพันธุ์จากรูปที่โชว์” แค่เห็นต้นพันธุ์สวย เชื่อในคำโฆษณาโดยเฉพาะรูปที่โชว์ขายตามโซเชียลโดยการขาดการศึกษาหรือหลักประกันที่น่าเชื่อถือ แล้วหลงไปซื้อมาปลูก มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อผ่านเป็นแรมปี ต้นไม้ที่คุณปลูกไว้กลับไม่ให้ผลตามต้องการ โดนหลอกแบบเสียทั้งเงินและเวลา
9.“เชื่อคำโฆษณา” เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเสมอ ทั้งเกษตรกรมือใหม่หรือแม้แต่มือเก่า ที่มักจะหลงเชื่อคำโฆษณา ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ใช้แล้วให้ผลดก ขายได้ราคา รวยแน่ๆ โดยปราศจากหลักเหตุผล หาข้อมูลอย่างถูกต้อง สุดท้ายเสียทั้งเวลาและเงินโดยใช่เหตุครับ
10.“บ้าเทคโนโลยี” เห็นอะไรใหม่ๆ ที่ทันสมัยก็มักจะชอบ แสดงตนเป็นผู้มากความทันสมัย ซื้อแหลกเพื่อหวังเอามาผ่อนแรง ลดต้นทุนและเวลา แต่ไม่ศึกษาว่าเครื่องมือเทคโนโลยีเหล่านั้น เหมาะเข้ากันกับพื้นที่เกษตรหรือสิ่งที่ปลูกหรือเปล่า พอสุดท้ายกลายเป็นว่าสร้างปัญหาให้มากกว่าเดิม
ขอขอบคุณที่มา : www.naykhaotom.com
No comments:
Post a Comment